[NC] Hello My Nanny PART : 9
“ฉันรักนาย” ผมพูดออกมาด้วยน้ำเสียงจริงจัง แต่แผ่วเบา ผมรู้ตัวเองดีว่ากำลังพูดอะไรออกมา หัวใจของผมสั่งให้
พูดออกมาแบบนี้ ความรู้สึกที่ผมรู้สึกอยู่แบบนี้มาเนิ่นนาน ไม่สนว่ามันจะได้รับผลตอบรับกลับมาอย่างไรในตอนนี้
แต่ผมก็แอบหวังอยู่เล็กๆ ว่าสิ่งที่แจจุงทำดีกับผมเรื่อยมา นั้น ไม่ใช่แค่ทำตามหน้าที่ แต่ทำตามหัวใจ เหมือนอย่างผม
ยังไง ผมก็เป็นได้แค่เด็กคนนึงที่หวังจะได้อะไรทุกๆอย่างให้ได้ตามใจหวังอย่างเคย
แจจุงดูเหมือนจะอึ้งไปเล็กน้อยเมื่อผมพูดออกไป ทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบงันอีกครั้ง ทุกๆอย่างรอบตัวเราสอง
หยุดนิ่ง มีเพียงแต่ความรู้สึกของเราสองคนเท่านั้นที่ยังคงโลดแล่นอยู่
ผมมองลึกเข้าไปในดวงตากลมโตของคนตรงหน้าผมด้วยสายตาจริงจัง เพื่อที่อยากจะบอกให้คนคนนี้รู้เอาไว้ว่า ถึงผมจะเป็นเด็กที่เอาแต่ใจ และไม่ค่อยจะฟังใครสักเท่าไร แต่ผมก็จริงจังและซื่อสัตย์กับความรู้สึกนี้ของตัวเอง และผมก็จะยอม ยอมเค้าเพียงแค่คนเดียวเท่านั้น
“ถึงแม้ว่านายจะยังไม่ลืมเค้า ฉันก็จะบอก ฉันไม่อยากจะเก็บความรู้สึกนี้เอาไว้อีกแล้ว ”แจจุงไม่ได้พูดอะไร ยังคงปล่อยให้ผมพูดในสิ่งที่ผมอยากจะพูดออกมา ผมไม่รู้ว่าตอนนี้แจจุงจะคิดอะไรอยู่ แววตาของแจจุง ในตอนนี้ผมอ่านมันไม่ออกจริงๆ อ่านไม่ออกว่าตอนนี้แจจุงรู้สึกอย่างไรกับสิ่งที่ตัวเองได้เห็น ได้ยินอยู่ตรงหน้า
“ฉันจะทำให้นายลืมเค้าให้ได้ แจจุง อย่าเอาเรื่องที่นายมาหาฉันเพราะนายเพียงแค่จะเข้ามาเป็นพี่เลี้ยง มาเป็นข้อจำกัดระหว่างเราสองคนเลยนะ.........ฉันไม่สนอะไรทั้งนั้น ไม่สนอีกแล้ว เพียงขอแค่ให้ได้อยู่กับนายก็พอ......แจจุง แค่นั้นก็พอ”
ผมพูดออกมาเสียงเบาลงในตอนท้ายของประโยค น้ำใสๆยังคงไหลรินออกมาจากดวงตาคู่สวยของ
แจจุง ผมโน้มตัวเข้าไปใกล้แจจุง และก้มลงจูบซับหยาดน้ำตาที่มันไหลรินออกมาจากดวงตาหวาน ก่อนจะค่อยๆ
เลื่อนลงมาจุมพิตลงที่ปากอิ่มของคนนตรงหน้าอย่างอ่อนโยน และค่อยๆจะแปรเปลี่ยนไปเป็นรุนแรงมากยิ่งขึ้น
เรื่อยๆตามอารมณ์ของผม แจจุงไม่ได้ขัดขืนอะไรแต่อย่างใด นั่นก็ทำให้ผมยิ่งเอาแต่ใจได้ใจ เอาเปรียบแจจุงไปอย่าง
นี้ ผมรั้งแจจุงเข้ามาอยู่ในอ้อมกอดของผมเป็นที่เรียบร้อย แจจุงตอบรับรสจูบของผม ซึ่งนั่นก็ทำให้ผมแอบแปลกใจ
อยู่ไม่น้อย มือเรียวบางจับแขนของผมเอาไว้แน่น ราวกับว่ากำลังตื่นกลัวกับสิ่งที่กำลังเกิดอยู่ในขณะนี้ ผมไม่รับรู้
อะไรภายนอกอีกแล้ว รู้เพียงแต่ว่าตอนนี้ผมกำลังเพลิดเพลินล่องลอยอยู่ในภวังค์ความหอมหวานที่ผมกำลังตักตวง
จากคนตรงหน้าอย่างเอาแต่ใจ และมารู้ตัวอีกทีก็ตอนที่ผมกำลังคร่อมร่างบอบบางของคนอีกคนอยู่บนเตียงใหญ่ใน
ห้องนอน ผมละริมฝีปากของตัวเองออกจากเรียวปากหอมหวานของคนตรงหน้าอย่างเสียดาย เพราะว่าอากาศที่จะ
ให้คนตัวเล็กตรงหน้าผมได้หายใจเริ่มที่จะมีน้อยลง ดวงตาของเราสองคนสอดประสานกันอยู่เนิ่นนาน ผมยกมือขึ้น
มาและลูบไล้ใบหน้าเนียนละเอียดของคนตรงหน้าอย่างเบามือ และผมก็ก้มลงประทับริมฝีปากลงบนเรียวปากอิ่ม
ของคนตรงหน้าอีกครั้ง แต่ดูครั้งนี้จะร้อนแรงกว่าครั้งที่ผ่านมา เรียวลิ้นชื้นแฉะของเราทั้งสองคนเกี่ยวกระหวัดกัน
เล่นไปมากันอย่างเพลิดเพลิน เรียวแขนเล็กของร่างด้านใต้ผมยกขึ้นโอบรอบลำคอของผมเอาไว้แน่น ผมเลื่อนมือลง
ไปปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตสีขาวสะอาดของแจจุงให้ออกไปให้พ้นทาง ไม่นาน เสื้อเชิ้ตตัวนั้นก็ลงไปนอนแอ้งแม้งกับ
พื้นเย็นเฉียบอย่างไร้การสนใจจากเราทั้งสอง ผมละริมฝีปากออกมาจากเรียวปากสีสวย และเลื่อนใบหน้าลงมาซุก
ไซร้เข้ากับซอกคอขาว ที่มันช่างหอมหวานเสียเหลือเกินในเวลานี้ กลิ่นตัวของแจจุงเป็นอะไรที่ผมคุ้นเคย และไม่
อยากให้มันจางหายไปจากโสตประสาทการรับรู้ของผมอีกต่อไป เสียงหายใจหอบของร่างด้านใต้ผมดังลั่นห้อง
เงียบๆ ทันที แต่มือของผมก็ยังไม่หยุดที่จะทำตามใจของผม โดยการลูบไล้ไปมาทั่วผิวขาวเนียนละเอียดของคนตรง
หน้า ผิวแจจุงขาวและสวย ยิ่งกว่าผู้หญิงบางคนเสียอีก ผมจูบหนักๆลงไปบนผิวขาวตรงหน้าผม จนเกิดเป็นรอยแดง
ไปทั่ว จนลามมาถึงช่วงอก และด้วยความเอาแต่ได้ของผมมันก็เลยทำให้ผมอดไม่ได้ที่จะหยุดแวะลิ้มลองเม็ดทับทิมสี
สวยที่ตั้งชูชันท้าทายผม และนั่นทำให้คนตรงหน้าผมถึงกับเผลอเปล่งเสียงร้องออกมาจนผมยิ้มกริ่มด้วยความพอใจ
วินาทีนี้ ผมหยุดตัวเองเอาไว้ไม่ได้เลย ถึงแม้ว่าลึกๆในใจของผมนั้น มันยังคงคิดว่าสิ่งที่ผมทำตอนนี้มันไม่สมควร มัน
อาจจะดูมากไปสำหรับแจจุง และผมอาจจะดูเอาแต่ใจ และเอาเปรียบแจจุงไปหน่อย แต่ตอนนี้ ผมตกอยู่ในห้วงแห่ง
ราคะเสียแล้ว และยากที่จะถอนตัวเมื่อได้สัมผัสเข้ากับร่างกายของคนตรงหน้า ถึงแม้ว่าผมจะเคยมีประสบการณ์ใน
เรื่องอย่างว่ามาบ้าง แต่ก็ไม่เคยที่จะหลงใหลไปกับร่างกายของใครได้เท่านี้มาก่อน และยิ่งไปกว่านั้น ไม่เคยที่ผมจะ
ได้หลงไหลไปกับร่างกายของผู้ชาย ซึ่งแจจุงเป็นคนแรกที่ทำให้ผมรู้สึกอย่างนั้น และมันก็ทำให้ผมหลงจนควบคุม
ตัวเองเอาไว้ไม่อยู่ เหมือนตอนนี้
ผมเลื่อนมือลงมาปลดกางเกงอยู่บ้านสบายๆของแจจุงออกอย่างง่ายดายจนเหลือแต่ชั้นในตัวจิ๋ว ยิ่งสำรวจดูทุกส่วน
ของแจจุงแล้ว แจจุงสวยจริงๆ ผมโอบกอดร่างบอบบางที่หายใจหอบสะท้านอยู่ข้างใต้ผมให้เข้ามาในอ้อมอกของตัว
เองแน่นขึ้น ด้วยความรู้สึกที่มันเอ่อล้นในหัวใจของผม ผมอยากจะกอดแจจุงเอาไว้อย่างนี้ อยากจะเก็บคนคนนี้ไว้ให้
อยู่กับตัวเองตลอดไป ผมเลื่อนตัวเองขึ้นไปตักตวงความหอมหวานจากริมฝีปากสวยของคนตรงหน้าอีกครั้ง
ซึ่งแจจุงเองก็ตอบรับผมเช่นกัน ผมค่อยๆเลื่อนมือลงมาและปลดชั้นในตัวจิ๋วของร่างด้านใต้ของผมจนมันหลุดลอย
ตามเสื้อผ้าส่วนอื่นๆที่ผมปลดลงไปเองกับมือ และแล้วแจจุงก็สะดุ้งเฮือกเมื่อความเย็นจากฝ่ามือของผมสัมผัสเข้ากับ
แกนกลางที่กำลังสั่นระริกอยู่ในมือของผม ผมเค้นคลึงมันเพื่อเรียกอารมณ์จากคนตรงหน้าผม แจจุงเบือนหน้าหนีรส
จูบของผม เพื่อจะได้ปล่อยเสียงครางออกมาระบายอารมณ์
“อื้ม อึก ” แจจุงหายใจหอบถี่ด้วยแรงอารมณ์ที่กำลังร้อนระอุขึ้นเรื่อยๆ ผมซุกไซร้ซอกคอขาวเพื่อสูดดมกลิ่นหอมหวานจากร่างบอบบางนี้อีกครั้ง ผมใช้มือสร้างความสุขให้กับแจจุงด้วยความเร็ว จนแจจุงดิ้นไปมาเพื่อระบายความเสียวซ่านที่ผมสร้างให้
“อ๊า ยุน....โฮ ไม่ ฮึก ” แจจุงกัดริมฝีปากของตัวเองเอาไว้ เพื่อกลั้นเสียงร้องที่แจจุงอาจจะคิดว่ามันน่าอาย แต่สำหรับผมแล้ว มันยิ่งทำให้ผมอยากจะลิ้มลองความหอมหวานจากร่างกายคนตรงหน้ามากยิ่งขึ้น เมื่อแจจุงเรียกชื่อผมออกมา
“ไม่....ไม่ไหวแล้ว ยุนโฮ ” แจจุงเงยหน้าขึ้นมา และมองผมด้วยสายตาอ้อนวอน แต่มันช่างเร้าอารมณ์กับผมซะจริงๆ
ไม่นาน แจจุงกระตุกตัวอย่างแรง และปล่อยน้ำรักสีขาวขุ่นเต็มมือผม แจจุงนอนหายใจหอบอย่าง
แรง หน้าอกบางกระเพื่อมขึ้นลง เนื่องจากเจ้าของพยายามจะสูดอากาศเข้าให้เต็มปอดมากที่สุด
ผมโน้มตัวเข้าไปใกล้ใบหน้าหวานที่กำลังหลับตาพริ้มอยู่ ก่อนจะกดจูบลงไปเบาๆบนหน้าผากมนชื้นเหงื่อ
“เหนื่อยแล้วเหรอ ”แจจุงลืมตาขึ้นมองดูผมซึ่งอยู่ในระยะประชิด
ผมไม่รอให้แจจุงตอบอะไร และประทับริมฝีปากลงไปบนเรียวปากอิ่มที่กำลังเผยออกเพื่อที่จะสูดอากาศเข้าปอด
แจจุงยกแขนขึ้นโอบรอบลำคอผมแน่น ผมรีบอาศัยจังหวะนั้นจัดการกับกางเกงของตัวเองอย่างรวดเร็ว และจ่อเจ้าลูก
ชายตัวน้อยที่ไม่น้อยที่มันกำลังแข็งขืนตามแรงอารมณ์ของผมเข้ากับช่องทางรักสีหวานของคนตรงหน้าผม และสอด
ใส่เข้าไปคราเดียวจนแจจุงสะดุ้งตัวอย่างแรงและพยายามจะเบือนหน้าหนีออกจากสัมผัสของผม แต่ผมจับใบหน้า
หวานเอาไว้อย่างเดิม เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจไม่ให้แจจุงรู้สึกเจ็บมากนัก
ผมไม่รู้หรอกว่า ที่แจจุงยอมให้ผมทำแบบนี้จะเป็นเพราะเหตุผลอะไร อาจจะเป็นเพราะความเหงา หรือความอดอยาก? หรือเพราะอะไรก็ตามแต่ แต่เพียงขอแค่ให้ผมได้อยู่อย่างนี้ ได้สัมผัสและลุ่มหลงอยู่กับร่างกายอันแสนวิเศษของคนตรงหน้าแบบนี้ ผมยอม และผมก็จะเอาชนะใจของคนตรงหน้า ให้ลืมไอสารเลวยูชอนให้ออกไปจากใจให้ได้
ผมค่อยๆเคลื่อนไหวร่างกายตัวเองให้เข้ากับร่างกายของแจจุงช้าๆ
“อ๊ะ อื้ม ” มือเรียวจับแขนของผมเอาไว้แน่น จนเล็บเผลอจิกลงบนเนื้อของผมอย่างแรง ผมประคองกอดร่างบอบบางของร่างด้านใต้เอาไว้อย่างถะนุถนอม พร้อมๆกับเคลื่อนไหวร่างกายตัวเองไปมาอย่างเนิบๆ และเริ่มจะร้อนแรงยิ่งขึ้นเมื่ออารมณ์ของผมเริ่มจะประทุถึงขีดสุด
“อ๊า ยุนโฮ ยุนโฮ ” ในยามที่เสียงครางหวานหูของแจจุงเอ่ยเรียกชื่อผม นั่นก็ทำให้ผมบรรเลงบทเพลงรักที่ผมเป็นคนเริ่มต้นขึ้น ร้อนแรงมากยิ่งขึ้น
แจจุงรั้งตัวผมให้ก้มลงมาอยู่ในอ้อมแขนบางของตัวเอง และเปล่งเสียงครางแห่งความเสียวซ่านอยู่ตรงข้างๆหูของผม และมันก็ยิ่งทำให้จังหวะรักที่ผมกำลังบรรเลงอยู่นั้น แรงและเร็วมากยิ่งขึ้น
“อื้ม ยุน...โฮ อ๊ะ ” ผมก้มลงซุกไซร้ซอกคอขาวอีกครั้ง และเลื่อนลงมาลิ้มรสสัมผัสของผิวขาวๆตรงหน้า
นี่อาจจะเป็นด้านมืดของผมที่ผมเองก็ยังไม่เคยได้ค้นพบถึงมัน ครั้งแรกที่ผมมีอะไรกับผู้ชาย และร่างกายของคนในอ้อมกอดของผมตอนนี้ก็ช่างเป็นสิ่งที่วิเศษ ที่ทำให้ผมหลงใหล และยากที่จะลืมเลือนมันได้ ผมแน่ใจอย่างนั้น
ผมหลุดครางออกมาอย่างไม่รู้ตัว กับความรู้สึกมีความสุข และหื่นกระหายของตัวเองในตอนนี้ ตอนนี้ผมมีความสุขเสียจริงๆ
ภาพตรงหน้าที่แจจุงกำลังมองมาที่ผมด้วยสายตาฉ่ำปรือ ริมฝีปากอิ่มเผลอออกเพื่อครางเสียงแห่งความเสียวซ่านออกมา นั่นทำให้ผมยิ่งอยากจะครอบครองร่างกายอันน่าหลงใหลของคนตรงหน้าเอาไว้ ให้เนิ่นนาน
ผมออกแรงมากยิ่งขึ้นเพื่อที่จะได้ปีนป่ายเข้าไปภายในตัวแจจุงได้ลึกยิ่งขึ้นมากกว่านี้ และเมื่อผมเคลื่อนตัวเข้าไปถูกจุดที่แจจุงพอใจ แจจุงก็จะหยัดตัวขึ้นจากที่นอนทุกครั้งไป
ผมรั้งให้ร่างบางที่นอนราบอยู่กับพื้นเตียงให้ขึ้นมานั่งคร่อมผมเอาไว้ และจับสะโพกมันกลมกลึงนั่นขึ้นลงเร่งจังหวะรักที่เริ่มจะร้อนแรงขึ้นเรื่อยๆ อย่างไม่รู้สึกเหน็ดเหนื่อย
“แฮ่กๆ ยุนโฮ อื้ม ”เราสองคนมองหน้ากันด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยแรงปรารถนาแห่งไฟราคะที่กำลังลุกโชนอย่าง
โหมกระหน่ำในร่างกายของเราทั้งสอง ผมเริ่มจะตักตวงความหอมหวานจากริมฝีปากอิ่มตรงหน้าอีกครั้ง โดยที่ร่างกายของเราก็ยังเคลื่อนไหวปรนเปรอความสุขให้กับอีกฝ่ายอย่างไม่หยุดหย่อย
เรียวลิ้นชื้นของเราสองหยอกล้อเล่นกันไปมาเพลิดเพลินอย่างสนุกสนาน จนน้ำหวานไหลรินลงมาเปื้อนลำคอระหงของคนตรงหน้าผม ผมเลื่อนใบหน้าลงมา และไล่เลียเก็บน้ำหวานนั้นอย่างหื่นกระหาย แจจุงเริ่ดหน้าขึ้นพร้อมหลับตาพริ้ม และยังคงเปล่งเสียงแห่งความสุขสมออกมา อย่างไม่ขาดสาย ช่องทางรักของแจจุงมันตอดรัดเจ้าลูกชายตัวไม่น้อยของผมจนทำให้ผมแทบจะสำลักความสุขสมตายเสียตรงนี้ จนต้องปลดปล่อยความสุขออกมาด้วยเสียงครางแห่งความพอใจ
ลำคอขาวที่ตระหง่านอยู่ตรงหน้าผมมันช่างเชื้อเชิญให้ผมรุกล้ำเข้าไปลิ้มลองความหอมหวานเสียจริงๆ และผมก็ทำตามที่มันเชื้อเชิญ ไล่เลียความหอมหวานด้วยเรียวลิ้นร้อนชื้นของตัวเองจนแจจุงถึงกับครางออกมาเสียงหลง
“อ๋า ยุน....อึก ยุนโฮ อ๊า ”แจจุงส่ายร่อนสะโพกไปมา ตามจังหวะที่ผมเป็นคนควบคุม ยิ่งทำให้เจ้าลูกชายของผมปีนป่ายเข้าไปลึกยิ่งขึ้นภายในร่างกายแจจุง
เวลายังคงดำเนินไปอย่างนั้นเรื่อยๆ ตามบทเพลงรักที่เราสองคนกำลังร่วมกันบรรเลงอย่างเร่าร้อน และแล้วดูเหมือนว่า แจจุงกำลังจะถึงฝั่งฝันที่ตัวเองวาดหวังเอาไว้แล้ว
ผมผลักแจจุงลงไปนอนลงกับเตียงอย่างเดิม และเร่งจังหวะรักของเราสองคนให้เร็วและแรงยิ่งขึ้นเพื่อที่จะได้ถึงฝั่งฝันตามที่ใจสองมั่นหมายเอาไว้
“ยุนโฮ ยุนโฮ ไม่ ไม่ไหว” และเสียงครางสุดท้ายก็ดังขึ้น และร่างบางที่กระตุกอย่างแรงพร้อมๆกับการปลดปล่อยออกมาอีกครั้ง ผมเร่งกระทั้นตัวเองเข้าไปให้ลึกขึ้นในร่างกายแจจุง
“อา แจจุง อึก ” ไม่นาน ผมเองก็ปลดปล่อยออกมาตามที่ใจหวังเช่นกัน ผมทรุดตัวลงนอนทับลงบนร่างบางของคนตรงหน้าอย่างอ่อนแรง เสียงหอบหายใจของเราทั้งสองดังแข่งกับเสียงเครื่องปรับอากาศที่ยังคงทำหน้าที่ของมันต่อ
ไป
ผมเงยหน้าขึ้นมาจากซอกคอขาวที่ผมกำลังสูดดมกลิ่มหอมอยู่ และมองหน้าแจจุงด้วยแววตาที่ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันหมายถึงอะไร แต่ที่แน่ๆ มันอยากจะบอกอะไรๆในใจผมให้แจจุงได้รู้
ผมยกมือขึ้นปาดหยาดเหงื่อที่เกาะพรายอยู่ตามใบหน้าของแจจุงให้ออกไปอย่างแผ่วเบา
“นายไม่ต้องกลัวอะไรทั้งนั้น นับแต่วันนี้ไป เข้าใจนะ ”แจจุงไม่ได้ตอบอะไร เพียงแค่ส่งยิ้มให้ผมบางๆ และผมก็ทิ้ง
ตัวลงนอนลงข้างๆแจจุง และรั้งคนตรงหน้าให้เข้ามาอยู่ในอ้อมกอด และอยู่อย่างนั้นทั้งคืน จนถึงรุ่งเช้าของอีกวัน
และแล้วสิ่งที่ผมได้สัมผัสและมันก็ผ่านพ้นไปแล้ว มันช่างเหมือนกับความฝันที่หอมหวาน ซึ่งผมไม่อยากจะตื่นขึ้น
มาอีกเลยถ้าได้ฝันอยู่เช่นนั้น ผมรู้สึกตัวในเช้าที่อากาศไม่ค่อยจะหนาวเท่าไร และแน่นอน ผมก็ยังรู้สึกได้ว่า ยังมีร่าง
ของใครบางคนยังคงนอนแน่นิ่งอยู่ในอ้อมกอดของผม แต่เมื่อผมลืมตาขึ้น ร่างในอ้อมกอดของผมกลับตื่นอยู่ก่อน
แล้ว นัยน์ตาหวานเหม่อมองเพดานห้องด้วยสายตาที่ว่างเปล่า ผมเห็นแบบนี้ มันทำให้ผมคล้ายๆจะเหนื่อยใจ เหมือน
กับว่า ผมทำสิ่งที่ร้ายแรงมากกับคนที่นอนอยู่ตรงนี้ เหมือนกับไม่มีความเต็มใจเลยจากคนคนนี้เมื่อคืน เหมือนกับว่า
ผมมีความสุขและร่ำร้องไปเองคนเดียว
ผมรั้งคนตรงหน้าให้เข้ามาในอ้อมกอดมากยิ่งขึ้น และสูดดมความหอมหวานจากซอกคอขาวอีกเช่นเคย
“ตื่นนานแล้วเหรอ ”
“อื้ม”
แจจุงตอบออกมาสั้นๆ และทั้งห้องก็ตกอยู่ในความเงียบอีกครั้ง ผมค่อยๆ โง้ตัวขึ้นมา และนอนท้าวคางมองใบหน้าหวานที่อยู่ตรงหน้าผม
แจจุงหันมามองผมกลับ หลังจากที่ปล่อยให้ผมมองหน้าอยู่นาน
“ว่าไง”
“นายกำลังคิดอะไรอยู่”แจจุงนิ่งเงียบไปสักพัก และมองตาผมด้วยสายตาที่ผมเองก็ยากที่จะเข้าใจ
“นายกำลังกลัวอยู่ใช่รึเปล่า”
แจจุงถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ และเบนสายตาหันมองไปทางอื่น
“มันเหมือนฉันทำผิด มันไม่สมควร”ผมถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่เช่นกัน
“ผิดยังไง ผิดที่ฉันเป็นลูกของเพื่อนแม่นาย ที่เค้าส่งมาให้เป็นพี่เลี้ยง แต่นายกลับทำแบบนี้ หรือว่า ผิดที่ นายยังไม่
ลืมไอนั่น แต่ดันมายอมฉันอย่างนี้ น่ะเหรอ อย่างไหนกัน ”ผมแอบใส่อารมณ์เล็กน้อยตอนที่พูดออกมา นั่นทำให้แจ
จุงหันมามองผม
“ยุนโฮ”และทั้งห้องก็ตกอยู่ในความเงียบอีกครั้ง
“ฉันหวังว่าให้มันเป็นอย่างแรกนะ แจจุง ”ผมพูดขึ้นมาทำลายความเงียบ ที่เริ่มจะแปรเปลี่ยนไปเป็นความกดดัน ที
ละน้อยๆ
“ใช่ ฉันรู้สึกอย่างแรก”
“แต่ถึงแม้จะมีเหตุผลข้อที่สองมาเกี่ยวข้อง ฉันก็ไม่อยากจะรับรู้หรอกนะ ”
และแจจุงก็ยังคงเงียบ ไม่ตอบอะไรผมอีกเช่นเคย
“ฉันต่างหากที่รู้สึกผิด....ก็ดูนายตอนนี้สิ มันทำให้ฉันเหมือนฆาตกรที่กำลังเพิ่งจะฆ่าคนเสร็จยังไงหยั่งงั้น ” ผมทิ้งตัวลงนอนข้างๆแจจุง แจจุงหันมามองผม
“ขอโทษนะ ” ผมหันไปมองหน้าแจจุงเช่นกัน และหยัดตัวขึ้นมาจากที่นอนในท่านอนคว่ำ
“ฉันบอกแล้วไง นายไม่ต้องกลัวอะไรทั้งนั้น .......ฉันรู้สึกยังไง ฉันก็ทำอย่างนั้น.....ถึงแม้ว่า นายจะยังไม่เต็มใจก็ตาม
เถอะ ”แจจุงมองหน้าผมด้วยแววตาที่แฝงด้วยความเศร้า หลังจากที่ฟังตอนท้ายของประโยค
“อย่าพูดอย่างนั้นสิ”
“แต่ก็นะ ฉันบอกแล้วไง ว่ายังไง ฉันก็ชนะใจนายให้ได้ คอยดูละกันนะ แจจุง ” ผมส่งยิ้มให้คนตรงหน้าบางๆ เพื่อ
บอกว่า ผมจะทำให้ได้อย่างที่พูด
แจจุงไม่ได้พูดอะไร เพียงส่งยิ้มให้ผมบางๆเท่านั้น
รอยยิ้มของเราทั้งสองคนที่ส่งให้กันในตอนนี้ดูเหมือนว่าจะไม่ได้มาจากใจกันจริงๆ ผมไม่รู้ว่ารอยยิ้มของแจจุงมันจะแฝงไปด้วยความทุกข์เรื่องอะไร แต่สำหรับผมแล้ว ผมรู้สึกเหนื่อยใจ เหนื่อยใจที่เห็นแจจุงเป็นอย่างนี้ เหมือนกับว่า แจจุงรู้สึกว่า ผมคือความผิดพลาด ที่เข้ามาในชีวิตแจจุง
ผมลุกขึ้นนั่งบนที่นอน และดึงมือเรียวของคนข้างกายให้ลุกขึ้นนั่งตามด้วย
ผมมองหน้าแจจุงที่อยู่ในระยะประชิด และแน่นอนว่าแจจุงก็ต้องมองหน้าผมด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความสงสัย
“ไปกินข้าวกันเถอะ .......ช่วยดูแลผมด้วยนะครับ คุณพี่เลี้ยง ” ผมโน้มตัวเข้าไปจุ๊บปากแจจุงเบาๆและผละออกอย่างเร็ว
แจจุงดูท่าจะตกใจเล็กน้อย แต่ก็ยิ้มออกมาบางๆให้ผม รอยยิ้มที่ทำให้ผมรู้สึกมีกำลังใจขึ้นมาอีกหน่อย แต่ผมก็แอบอยากจะบอกแจจุงเอาไว้ซะตรงนี้ ว่าถ้าฝืนใจนัก ก็อย่าทำมันเลยนะ มันจะทำให้ผมเสียใจในภายหลัง แต่ตอนนี้ ผมไม่อยากที่จะพูดออกไปอย่างนั้น เพราะไม่ว่าแจจุงจะเป็นยังไงในตอนนี้ แต่เพียงแค่ตอนนี้ผมรักแจจุง และผมจะเอาชนะใจแจจุงให้ได้ ในอนาคตข้างหน้าจะเกิดอะไรขึ้น ใครจะสนกัน
วันศุกร์ที่ 22 ตุลาคม พ.ศ. 2553
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น